[BIMS2019]เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว Mercedes-Benz S 560 e สุดยอดรถยนต์หรู รุ่นประกอบในประเทศ Motor show2019
![[BIMS2019]เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว Mercedes-Benz S 560 e สุดยอดรถยนต์หรู รุ่นประกอบในประเทศ Motor show2019](https://img.icarcdn.com/autospinn/body/766831_5VhSdIGlbHPJpfcItrjNkV.jpg)
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งมั่นนำเสนอยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าทุกคน เปิดตัวรถยนต์ Plug-in Hybrid เจนเนอเรชั่นที่ 3 ภายใต้แบรนด์ EQ เช่น “Mercedes-Benz S 560 e” รถเก๋งสุดหรูที่ประกอบขึ้นในประเทศที่พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวสามารถอยู่ได้นานกว่ารุ่นก่อนถึง 60% ต้องขอบคุณ การผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน V6 367 แรงม้า (270 กิโลวัตต์) และมอเตอร์ไฟฟ้า EQ กำลังไฟ 90 กิโลวัตต์พร้อมอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รวมน้อยกว่า 50 กรัม/กม. โดยภายในงานจะมีการขนกำลังพลด้วย รถยนต์หรูกว่า 29 รุ่น ครบทุกเซกเมนต์ จัดแสดงที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2562 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทอง ธานี
มร.แฟรงค์ กล่าวเสริมว่า “สำหรับงาน Bangkok Motor Show ครั้งที่ 40 ที่ Mercedes-Benz พื้นที่จัดแสดงรถยนต์แบ่งเป็น 6 โซนอย่างชัดเจน ได้แก่ แบรนด์ Mercedes-Benz ในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury Sedan & Dream Car, แบรนด์ SUV ด้วยเทคโนโลยี EQ เช่นเดียวกับแบรนด์รถสปอร์ตสมรรถนะสูงอย่าง Mercedes -AMG และแบรนด์สุดหรูอย่าง Mercedes-Maybach ให้ลูกค้าเห็นจุดแข็งและความแตกต่างของรถยนต์ในแต่ละกลุ่มได้ดีขึ้น”
“และนอกจากรถยนต์หรูหราที่เรานำเสนอในครั้งนี้ Mercedes-Benz ยังมีความภาคภูมิใจที่จะนำเสนอ ‘Mercedes me connect’ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการที่มีตราสินค้า
‘Mercedes me’ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย รองรับทั้งสมาร์ทโฟน Android และ iOS พร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz อย่างเป็นทางการ รวมถึงบริการอื่นๆ ของ Mercedes-Benz ด้วยเทคโนโลยีนี้ มาพร้อมฟังก์ชั่นที่โดดเด่นมากมาย เช่น
* สถานะรถบอกความพร้อมใช้งานของอะไหล่รถและประสานงานแจ้งเตือนทั้งลูกค้าและโชว์รูม
* การกู้คืนอุบัติเหตุและปุ่มโทรศัพท์จัดการพัง เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่ใกล้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ทั้งในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน รถเสีย หรือสอบถามข้อมูลทั่วไปผ่านคอลเซ็นเตอร์
* Remote Service ฟังก์ชันที่ทำให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ ในการเปิดแอร์พรี-คูลลิ่ง สตาร์ทรถ หรือแม้แต่เปิดปิดประตูรถจากระยะไกล
ภายในงานเราจะจัดแสดงแอพพลิเคชั่นใน E-Class Coupé ให้ทุกคนได้เห็นว่าแอพพลิเคชั่นนี้ล้ำหน้าขนาดไหน” แฟรงค์กล่าวจบ
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเตรียมขนส่งยานยนต์ระดับแนวหน้ากว่า 29 คันในทุกเซกเมนต์ ได้แก่ รถคอมแพค ซีดานหรูร่วมสมัย & ดรีมคาร์ และเอสยูวี เช่น CLA 200, CLS 300 d AMG Premium, GLC 250 d 4MATIC, Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé และ Mercedes-Maybach S 560 พร้อมบริการลูกค้า และบริการหลังการขายเพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้าที่มาเยี่ยมชมบูธ Mercedes-Benz รวมถึงข้อเสนอพิเศษ เช่น iPhone XS Max 256 GB มูลค่า 49,900 บาท จำนวนจำกัด สำหรับลูกค้าที่รับรถ Mercedes-Benz ที่ร่วมรายการ 10 รุ่น เช่น GLA 200 Urban, GLA 250 AMG Dynamic, E 350 e Avantgarde, E. 350 e Exclusive, E 350 e AMG Dynamic, GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD, GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic, GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus, S 350 d Exclusive และ S 350 d AMG Dynamic ระหว่างวันที่ 7 มีนาคม – 30 เมษายน 2562
พร้อมข้อเสนอพิเศษกับ Mercedes-Benz Leasing เช่น
* อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อ 48 เดือน ดาวน์ขั้นต่ำ 25% สำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์รุ่น GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD หรือ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic
* อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อ 48 เดือน ดาวน์ขั้นต่ำ 25% สำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์ E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive และ E 350 e AMG Dynamic พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection for 1 ปีและ MBSP แพ็คเกจที่ยอดเยี่ยมเป็นเวลา 4 ปี
* แคมเปญส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้า Mercedes-Benz Leasing ที่มีสัญญา mySTAR และ Finance Lease จะได้รับประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี Mercedes-Benz คุ้มครองนาน 1 ปี
โดยแคมเปญส่งเสริมการขายข้างต้นสำหรับลูกค้าที่รับรถและเริ่มต้นสัญญาภายในวันที่ 30 เมษายน 2562
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Mercedes-Benz S-Class
ดีไซน์ภายนอกของ S 560 e AMG Premium หรูหราทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบ 3 ก้าน มาพร้อมไฟหน้า MULTIBEAM LED เทคโนโลยีล้ำหน้าที่ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ กลางคืนมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด ด้วยฟังก์ชัน ULTRA RANGE Highbeam ที่สามารถปรับความสว่างและความยาวของลำแสงไฟหน้าโดยอัตโนมัติให้ส่องได้ไกลกว่า 650 เมตร พร้อมเสริมความสปอร์ตด้วยกันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างจาก AMG และล้ออัลลอย Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว จาก AMG ในสี Titanium Grey
การออกแบบภายในและห้องโดยสาร มอบความสบายสูงสุดด้วย ENERGIZING Comfort Control เทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายร่างกายและอารมณ์ขณะเดินทาง เพียงแค่กดปุ่ม ‘ปุ่ม’ เพื่อควบคุมระบบต่างๆ ร่วมกัน เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบฉีดน้ำหอม ระบบฟอกอากาศ Premium Ambient Light เสียงเพลง การระบายอากาศ และฟังก์ชั่นอุ่นที่นั่ง พร้อมระบบนวดสำหรับเบาะหลัง ผู้โดยสารสามารถเลือกโปรแกรมผ่อนคลายได้ 4 แบบ ได้แก่ Refresh, Vitality, Warmth และ Joy S 560 e AMG Premium มาพร้อมกับเบาะนั่งด้านหน้าและด้านหลังหุ้มด้วยหนัง Nappa Exclusive ที่สามารถปรับเบาะผู้โดยสารด้านหลังซ้ายได้ ปรับเอนนอนได้ถึง 43.5 องศากับ
ขาปรับระดับได้ จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้ารถ (Head-up display) ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายด้วย Apple Carplay™ และ Android Auto
สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยเช่น
* ระบบ Active Distance Assist DISTRONIC ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า โดยทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดตั้งอยู่ที่กระจังหน้าและ STEREO CAMERA ที่ติดตั้งบนกระจกหน้ารถ เพื่อคำนวณระยะปลอดภัยจากรถ รถข้างหน้าจะสัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้นโดยเพิ่มและลดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติ
* Active Blind Spot Assist เทคโนโลยีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการชนกับรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ในจุดบอดขณะเปลี่ยนเลน
* ระบบ Active Lane Keeping Assist ระบบที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุจากการเปลี่ยนเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ ระบบนี้ทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ เพื่อตรวจจับช่องจราจรและรถในช่องทางอื่น หากระบบตรวจพบความเสี่ยงที่จะชนกับรถคันอื่น ระบบจะดึงรถกลับเข้าเลนเดิมโดยอัตโนมัติโดยเบรกล้อตรงข้ามกับรถที่ตรวจจับ
* PRE-SAFE® PLUS Pre-Incident Prevention ระบบนี้ทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์เพื่อตรวจจับยานพาหนะที่วิ่งอยู่ในพื้นหลัง หากเรดาร์ตรวจพบยานพาหนะจากด้านหลังเข้าใกล้ด้วยความเร็วสูงซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ไฟฉุกเฉินจะกะพริบที่ความถี่สูงกว่าปกติเพื่อเตือนคนขับที่อยู่ข้างหลังคุณ หลังจากนั้นระบบจะรัดเข็มขัดให้แน่น ระบบเบรกล็อคล้อทั้งสี่ให้เข้าที่ และปรับพนักพิงศีรษะให้ชิดกับศีรษะเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บที่คอ หากเกิดการชนท้ายรถ
* ระบบ Active Braking Assist และเทคโนโลยี Cross-Traffic ที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถคันอื่นหรือคนเดินเท้าที่ทางแยก สัญญาณเรดาร์ติดอยู่ที่กันชนหน้าและกล้อง MPC ตรวจจับเหตุการณ์ที่อาจเสี่ยงต่อการชน และจะมีเสียงเตือนให้เบรก หากคุณตอบสนอง ระบบจะเพิ่มกำลังเบรกจนถึง
เต็มประสิทธิภาพแต่หากไม่มีการตอบสนอง ระบบจะช่วยเบรกอัตโนมัติตามแต่ละสถานการณ์ นอกจากนี้ในกรณีที่ระบบไม่สามารถหลบหลีกวัตถุที่อยู่ข้างหน้าได้ทันเวลา ระบบจะลดความเร็วลง เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ
* ระบบ Evasive Steering Assist ช่วยป้องกันการชนจากด้านหน้า โดยเรดาร์ของรถและสัญญาณ STEREO CAMERA จะตรวจจับบุคคลและวัตถุที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ระบบจะเตือนคุณให้ตอบสนองและหลบหลีกสิ่งกีดขวางด้วยตนเองเท่านั้น พร้อมช่วยส่งแรงบิดที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* ระบบ Active Emergency Stop Assist ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองต่อการขับขี่เป็นเวลานาน เช่น คนขับหลับหรือหมดสติ และระบบตรวจพบว่าพวงมาลัยไม่มีการเคลื่อนไหวเลย ระบบจะส่ง สัญญาณเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่กลับมารองรับพวงมาลัยได้ แต่ถ้าไม่มีการตอบสนองจากคนขับ ระบบจะหยุดรถในเลนนั้นโดยอัตโนมัติ พร้อมเปิดระบบไฟกระพริบฉุกเฉิน
* Parking Pilot รวมถึง Active Parking Assist ทั้งแบบขนานและขณะจอด กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศาจะแสดงภาพรอบๆ รถในหน้าจอ รวมทั้งภาพจากมุมสูงช่วยให้มองเห็นสิ่งกีดขวางรอบคัน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนทั้งแบบภาพและเสียง ขณะที่จอดรถด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. ซึ่งเป็นการประสานงานของระบบ Active Steering ระบบควบคุมความเร็ว และระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ แม้ในที่จำกัดหรือในกรณีที่ต้องเคลื่อนย้ายรถหลายครั้ง ทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบ Drive Away Assist ที่ส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบความเสี่ยงต่อการชนขณะเหยียบคันเร่งหรือแป้นเบรก หรือเมื่อคนขับเข้าเกียร์ผิด
Mercedes-Benz S-Class ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบใหม่ที่มีประจุไฟมากขึ้น ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดในการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 60% ของรุ่นก่อนเท่านั้น Mercedes-Benz ใช้เซลล์แบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC)
รุ่นล่าสุดของตระกูล S-Class ผลิตโดย DeutscheACCUMOTIVE ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Daimler Group ขนาดของแบตเตอรี่จะเล็กกว่ารุ่น ก่อนหน้านี้และประจุไฟฟ้าจะมากกว่าเดิมประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ หากใช้เครื่องชาร์จ Mercedes-Benz wallbox และใช้พลังงานสูงสุด เจ้าของสามารถชาร์จจากความจุ 10% เป็นเต็มในเวลาประมาณ 90 นาที (ภายใต้สภาวะปกติ) และประมาณ 5 ชั่วโมงหากชาร์จโดยใช้ไฟจากเต้ารับไฟฟ้าทั่วไป
Mercedes-Benz S 560 e AMG Premium มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะใหม่ (9G-TRONIC) ที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่าเดิมถึง 6.5% พร้อมช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น การลดเสียงรบกวนที่ดีขึ้น และช่วยให้มีการเปลี่ยนเกียร์ลงได้หลายระดับในกรณีที่จำเป็นต้องแซงอย่างรวดเร็ว S 560 e สามารถรักษาระดับการระงับที่สมดุลได้ตลอดการเดินทาง แม้จะมีผู้โดยสารหรือกระเป๋าเดินทางจำนวนมากก็ตาม เนื่องจากรถมีระบบปรับช่วงล่างที่ทำงานโดยใช้กลไกการอัดหรือการระบายอากาศ ระบบจึงสามารถยกความสูงของรถขึ้นได้ 30 มิลลิเมตร เพื่อให้รถสูงพอที่จะออกนอกถนนได้ และเมื่อขับด้วยความเร็วสูง ระบบจะลดความสูงของรถลง 20 มิลลิเมตรโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ตัวรถแอโรไดนามิกมากขึ้นและเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่
The S 560 e AMG Premium รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 6,999,000 บาท
ตรวจสอบราคารถและโปรโมชั่นใหม่ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถมือสอง เชิญที่นี่
หากต้องการแบ่งปันความคิดเห็นของคุณในฟอรัม Autospinn คลิกที่นี่
ข้อมูลมากกว่านี้
#BIMS2019เมอรเซเดสเบนซ #เปดตว #MercedesBenz #สดยอดรถยนตหร #รนประกอบในประเทศ #Motor #show2019
[rule_3_plain] #BIMS2019เมอรเซเดสเบนซ #เปดตว #MercedesBenz #สดยอดรถยนตหร #รนประกอบในประเทศ #Motor #show2019
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งมั่นนำเสนอยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน เปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เจนเนอเรชั่นที่ 3 ภายใต้แบรนด์ EQ อย่าง “Mercedes-Benz S 560 e” ซาลูนหรูรุ่นประกอบ ในประเทศที่สามารถขับเคลื่อนโดยใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลกว่าเจนเนอเรชั่นที่แล้วสูงสุด ถึง 60% จากการผสานกำลังของเครื่องยนต์เบนซินวี 6 ที่มีกำลัง 367 แรงม้า (270 กิโลวัตต์) และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบอีคิวพาวเวอร์ที่ให้กำลัง 90 กิโลวัตต์ พร้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ต่ำกว่า 50 กรัมต่อกิโลเมตร โดยภายในงานยังมีการขนทัพ ยนตรกรรมหรูกว่า 29 คัน ครบครันในทุกเซ็กเมนต์มาจัดแสดงภายในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 40” ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2562 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี
มร. ฟรังค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 40 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้จัดพื้นที่แสดงรถยนต์ออกเป็นจำนวน 6 โซนอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury Sedan & Dream Car, SUV แบรนด์เทคโนโลยี EQ รวมถึงแบรนด์รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูง อย่าง Mercedes-AMG และแบรนด์อัลตร้า ลักชัวรี อย่าง Mercedes-Maybach มาให้กลุ่มลูกค้าได้เห็นถึงจุดเด่นและความแตกต่างของรถยนต์ในแต่ละกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น”
“และนอกจากยนตรกรรมหรูที่เรานำเสนอในครั้งนี้แล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังมีความภาคภูมิใจ ที่จะนำเสนอบริการ ‘Mercedes me connect’ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการภายใต้แบรนด์
‘Mercedes me’ ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รองรับทั้งสมาร์ทโฟนในระบบ Android และ iOS มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ รวมถึงการบริการอื่นๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยเทคโนโลยีนี้ มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมาย อาทิ
* Vehicle status ที่จะบอกสถานะความพร้อมของอะไหล่รถยนต์ และคอยประสานงานแจ้งเตือนทั้งทางลูกค้าและโชว์รูม
* Accident Recovery and break down management ปุ่มรูปโทรศัพท์ เพื่อช่วยเหลือ ผู้ขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว ทั้งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เหตุฉุกเฉิน รถเสีย หรือสอบถามข้อมูลทั่วไปผ่านคอลเซ็นเตอร์
* Remote Service ฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายมากขึ้น โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็นล่วงหน้า สตาร์ทรถ หรือแม้แต่เปิด-ปิดประตูรถจากระยะไกล
โดยภายในงาน เราจะมีการจัดแสดงการทำงานของแอปพลิเคชั่นไว้ในรถยนต์ E-Class Coupé ให้ทุกท่านได้เห็นถึงความก้าวล้ำของแอปพลิเคชั่นนี้ด้วย” มร.ฟรังค์ กล่าวปิดท้าย
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้เตรียมขนขบวนสุดยอดยนตรกรรมรวมทั้งสิ้นกว่า 29 คัน ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น Compact Car, Contemporary Luxury Sedan & Dream Car และ SUV อาทิ CLA 200, CLS 300 d AMG Premium, GLC 250 d 4MATIC, Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé และ Mercedes-Maybach S 560 พร้อมจุดบริการลูกค้า และบริการหลังการขายเพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงข้อเสนอพิเศษ อาทิ iPhone XS Max 256 GB มูลค่า 49,900 บาท จำนวนจำกัด สำหรับลูกค้าที่รับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ 10 รุ่นที่ร่วมรายการ อย่าง GLA 200 Urban, GLA 250 AMG Dynamic, E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive, E 350 e AMG Dynamic, GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD, GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic, GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus, S 350 d Exclusive และ S 350 d AMG Dynamic ในระหว่างวันที่ 7 มีนาคม – 30 เมษายน 2562
รวมถึงข้อเสนอพิเศษร่วมกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง อาทิ
* อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อระยะเวลา 48 เดือน เงินดาวน์ขั้นต่ำ 25% สำหรับลูกค้าที่ออกรถยนต์รุ่น GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD หรือ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic
* อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อระยะเวลา 48 เดือน เงินดาวน์ขั้นต่ำ 25% สำหรับลูกค้าที่ออกรถยนต์ E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive และ E 350 e AMG Dynamic พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection เป็นระยะเวลา 1 ปี และแพ็คเกจ MBSP Excellent นาน 4 ปี
* แคมเปญส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาแบบมายสตาร์ (mySTAR) และ เช่าทางการเงิน (Finance Lease) กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง จะได้รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection เป็นระยะเวลา 1 ปี
โดยแคมเปญส่งเสริมการขายข้างต้นสำหรับลูกค้าที่รับมอบรถยนต์และเริ่มต้นสัญญาภายในวันที่ 30 เมษายน 2562
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Mercedes-Benz S-Class
ดีไซน์ภายนอกของ The S 560 e AMG Premium หรูหราทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบ 3 ก้าน มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ ยามค่ำคืนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด พร้อมฟังก์ชัน ULTRA RANGE Highbeam ที่สามารถปรับความสว่างและความยาวของลำแสงไฟหน้าให้ส่องได้ไกลกว่า 650 เมตรโดยอัตโนมัติ พร้อมเสริมความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างจาก AMG และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว สีไทเทเนี่ยมเกรย์
ดีไซน์ภายในและห้องโดยสาร มอบที่สุดแห่งความสะดวกสบาย ด้วยระบบ ENERGIZING Comfort Control เทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายร่างกายและอารมณ์ในระหว่างการเดินทางเพียงแค่การ ‘กดปุ่ม’ เพื่อควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบฉีดน้ำหอม ระบบฟอกอากาศ ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Premium Ambient Light) เสียงดนตรี ฟังก์ชันระบายอากาศและอุ่นที่นั่ง พร้อมระบบนวดสำหรับเบาะคู่หลัง โดยผู้โดยสารสามารถเลือกโปรแกรมผ่อนคลายได้ 4 แบบ คือ Refresh, Vitality, Warmth และ Joy โดย The S 560 e AMG Premium จะมาพร้อมกับเบาะนั่งคู่หน้าและคู่หลังหุ้มหนัง Exclusive nappa ที่สามารถปรับเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังฝั่งซ้ายให้เอนนอนได้ถึง 43.5 องศา พร้อม
ที่รองขาแบบปรับระดับได้ ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย พร้อม Apple Carplay™ และ Android Auto
สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย อาทิ
* ระบบ Active Distance Assist DISTRONIC ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า ทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกระจังหน้า และกล้อง STEREO CAMERA ที่ติดตั้งอยู่บนกระจกบังลมหน้า ในการคำนวณระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถ คันหน้าที่สัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้นโดยการเพิ่มและลดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติ
* ระบบ Active Blind Spot Assist เทคโนโลยีที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนกับรถยนต์หรือจักรยานยนต์ที่อยู่ในจุดอับสายตาในขณะที่กำลังจะเปลี่ยนช่องจราจร
* ระบบ Active Lane Keeping Assist ระบบที่ช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่มีสาเหตุ มาจากการเปลี่ยนช่องจราจรโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งระบบนี้จะทำงานโดยการใช้สัญญาณเรดาร์ ในการตรวจจับช่องจราจรและรถยนต์ที่อยู่ในช่องจราจรอื่น หากระบบตรวจพบความเสี่ยงที่จะชนกับรถยนต์คันอื่น ระบบจะช่วยดึงรถกลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิมโดยอัตโนมัติด้วยการเบรกล้อฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับรถยนต์ที่ตรวจจับได้
* ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® PLUS ระบบนี้ทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ตรวจจับรถที่วิ่งอยู่ด้านหลัง หากเรดาร์ตรวจพบรถยนต์จากด้านหลังที่วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วซึ่งเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ไฟกะพริบฉุกเฉินจะกะพริบด้วยความถี่ที่มากกว่าปกติเพื่อเตือนผู้ขับขี่รถคันหลัง หลังจากนั้นระบบจะรัดเข็มขัดให้กระชับขึ้น ระบบเบรกจะล็อคล้อทั้งสี่ไว้ให้อยู่กับที่ พร้อมปรับพนักพิงศีรษะให้ชิดกับศีรษะ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ หากมีการชนท้ายเกิดขึ้น
* ระบบ Active Braking Assist และฟังก์ชัน Cross-Traffic เทคโนโลยีที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์คันอื่น หรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก โดยสัญญาณเรดาร์ที่ติดอยู่บริเวณกันชนด้านหน้า และกล้อง MPC จะตรวจจับเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการชน และจะส่งเสียงเตือนคุณให้เบรก หากคุณตอบสนอง ระบบจะช่วยเพิ่มกำลังเบรกไปจน
เต็มประสิทธิภาพ แต่หากไม่มีการตอบสนอง ระบบจะช่วยเบรกอัตโนมัติตามแต่ละสถานการณ์ นอกจากนี้ในกรณีที่ระบบไม่สามารถหลบหลีกวัตถุด้านหน้าได้ทัน ระบบจะช่วยลดความเร็วลง เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ
* ระบบ Evasive Steering Assist ระบบช่วยหลบหลีกการชนจากด้านหน้า โดยสัญญาณเรดาร์และกล้อง STEREO CAMERA ของรถยนต์จะช่วยตรวจจับคนและสิ่งของที่จะก่อให้เกิดอันตราย โดยระบบจะเตือนให้คุณตอบสนองและหักหลบสิ่งกีดขวางด้วยตนเองเท่านั้น พร้อมช่วยส่งแรงบิดที่เหมาะสมในการหักหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* ระบบ Active Emergency Stop Assist ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่มีการตอบสนองต่อการขับขี่เป็นเวลานาน เช่น คนขับหลับในหรือหมดสติ และระบบตรวจจับได้ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวของพวงมาลัยเลย ระบบจะส่งสัญญาณเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่กลับมาประคองพวงมาลัยรถ แต่ถ้ายังไม่มีการตอบสนองจากผู้ขับขี่ ระบบจะค่อยๆ หยุดรถอัตโนมัติในช่องจราจรนั้น พร้อมกับเปิดระบบไฟกระพริบฉุกเฉิน
* ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) ทั้งการจอดแบบขนานและการจอดแบบเข้าซอง โดยกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา จะแสดงภาพบริเวณรอบคันรถในจอแสดงผล รวมถึงภาพจากมุมสูง จึงช่วยให้เห็นสิ่งกีดขวางรอบคันรถ ทั้งนี้ระบบจะส่งสัญญาณเตือนทั้งภาพและเสียง ในขณะที่กำลังจอดรถด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. โดยเป็นการประสานการทำงานของระบบ Active Steering ระบบ Speed Control และระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ แม้ในที่จำกัดหรือในกรณีที่ต้องขยับรถหลายครั้ง พร้อมเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยระบบ Drive Away Assist ที่ส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจจับความเสี่ยงต่อการชนในขณะที่เหยียบคันเร่งหรือเบรกสลับกัน หรือเมื่อผู้ขับขี่เข้าเกียร์ไม่ถูกต้อง
Mercedes-Benz S-Class ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่ประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจาก เจนเนอเรชั่นก่อนหน้าได้สูงสุดถึง 60% เมอร์เซเดส-เบนซ์ใช้เซลล์แบตเตอรี่รุ่นใหม่ซึ่งเป็นส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) ทั้งนี้ ระบบแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์
ตระกูลเอส-คลาสรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ผลิตโดยบริษัทดอยช์ แอกคิวโมทีฟ (DeutscheACCUMOTIVE) บริษัทลูกของกลุ่มบริษัทเดมเลอร์ทั้งหมด โดยขนาดของแบตเตอรี่นั้นมีขนาดเล็กลงกว่ารุ่น ก่อนหน้าและประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิมประมาณร้อยละ 50 หากใช้เครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์บอกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด ผู้เป็นเจ้าของจะประจุไฟฟ้าจากความจุร้อยละ 10 จนเต็มได้ในเวลาประมาณ 90 นาที (ในสภาวะปกติ) และประมาณ 5 ชั่วโมงหากประจุไฟฟ้าโดยใช้กำลังไฟฟ้าจากเต้ารับทั่วไปตามบ้าน
Mercedes-Benz S 560 e AMG Premium มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะแบบใหม่ (9G-TRONIC) ที่ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงลงกว่าเดิมถึง 6.5% อีกทั้งยังช่วยให้การขับเคลื่อนมีความนุ่มนวลมากขึ้น ลดเสียงรบกวนได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้สามารถลดระดับเกียร์ลงได้หลายระดับในกรณีที่ต้องการเร่งแซงอย่างรวดเร็ว โดย S 560 e นั้น สามารถรักษาระดับของระบบช่วงล่างให้มีความสมดุลย์ได้ตลอดการเดินทางแม้ว่าจะมีผู้โดยสารหรือสัมภาระจำนวนมาก เนื่องจากรถยนต์รุ่นนี้มีระบบปรับระดับช่วงล่างที่ทำงานโดยใช้กลไกการอัดหรือระบายอากาศ ทั้งนี้ ระบบสามารถยกความสูงของตัวรถเพิ่มได้ 30 มิลลิเมตร เพื่อให้ตัวรถสูงพ้นจากพื้นถนนมากเพียงพอ และเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบจะปรับลดความสูงของตัวรถลง 20 มิลลิเมตรโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้รถลู่ลมยิ่งขึ้นและเสริมเสถียรภาพในการขับขี่
The S 560 e AMG Premium รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 6,999,000 บาท
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
#BIMS2019เมอรเซเดสเบนซ #เปดตว #MercedesBenz #สดยอดรถยนตหร #รนประกอบในประเทศ #Motor #show2019
[rule_2_plain]
#BIMS2019เมอรเซเดสเบนซ #เปดตว #MercedesBenz #สดยอดรถยนตหร #รนประกอบในประเทศ #Motor #show2019
[rule_2_plain]
#BIMS2019เมอรเซเดสเบนซ #เปดตว #MercedesBenz #สดยอดรถยนตหร #รนประกอบในประเทศ #Motor #show2019
[rule_3_plain]
#BIMS2019เมอรเซเดสเบนซ #เปดตว #MercedesBenz #สดยอดรถยนตหร #รนประกอบในประเทศ #Motor #show2019
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งมั่นนำเสนอยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน เปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เจนเนอเรชั่นที่ 3 ภายใต้แบรนด์ EQ อย่าง “Mercedes-Benz S 560 e” ซาลูนหรูรุ่นประกอบ ในประเทศที่สามารถขับเคลื่อนโดยใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลกว่าเจนเนอเรชั่นที่แล้วสูงสุด ถึง 60% จากการผสานกำลังของเครื่องยนต์เบนซินวี 6 ที่มีกำลัง 367 แรงม้า (270 กิโลวัตต์) และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบอีคิวพาวเวอร์ที่ให้กำลัง 90 กิโลวัตต์ พร้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ต่ำกว่า 50 กรัมต่อกิโลเมตร โดยภายในงานยังมีการขนทัพ ยนตรกรรมหรูกว่า 29 คัน ครบครันในทุกเซ็กเมนต์มาจัดแสดงภายในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 40” ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2562 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี
มร. ฟรังค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 40 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้จัดพื้นที่แสดงรถยนต์ออกเป็นจำนวน 6 โซนอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury Sedan & Dream Car, SUV แบรนด์เทคโนโลยี EQ รวมถึงแบรนด์รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูง อย่าง Mercedes-AMG และแบรนด์อัลตร้า ลักชัวรี อย่าง Mercedes-Maybach มาให้กลุ่มลูกค้าได้เห็นถึงจุดเด่นและความแตกต่างของรถยนต์ในแต่ละกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น”
“และนอกจากยนตรกรรมหรูที่เรานำเสนอในครั้งนี้แล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังมีความภาคภูมิใจ ที่จะนำเสนอบริการ ‘Mercedes me connect’ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการภายใต้แบรนด์
‘Mercedes me’ ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รองรับทั้งสมาร์ทโฟนในระบบ Android และ iOS มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ รวมถึงการบริการอื่นๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยเทคโนโลยีนี้ มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมาย อาทิ
* Vehicle status ที่จะบอกสถานะความพร้อมของอะไหล่รถยนต์ และคอยประสานงานแจ้งเตือนทั้งทางลูกค้าและโชว์รูม
* Accident Recovery and break down management ปุ่มรูปโทรศัพท์ เพื่อช่วยเหลือ ผู้ขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว ทั้งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เหตุฉุกเฉิน รถเสีย หรือสอบถามข้อมูลทั่วไปผ่านคอลเซ็นเตอร์
* Remote Service ฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายมากขึ้น โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็นล่วงหน้า สตาร์ทรถ หรือแม้แต่เปิด-ปิดประตูรถจากระยะไกล
โดยภายในงาน เราจะมีการจัดแสดงการทำงานของแอปพลิเคชั่นไว้ในรถยนต์ E-Class Coupé ให้ทุกท่านได้เห็นถึงความก้าวล้ำของแอปพลิเคชั่นนี้ด้วย” มร.ฟรังค์ กล่าวปิดท้าย
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้เตรียมขนขบวนสุดยอดยนตรกรรมรวมทั้งสิ้นกว่า 29 คัน ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น Compact Car, Contemporary Luxury Sedan & Dream Car และ SUV อาทิ CLA 200, CLS 300 d AMG Premium, GLC 250 d 4MATIC, Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé และ Mercedes-Maybach S 560 พร้อมจุดบริการลูกค้า และบริการหลังการขายเพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงข้อเสนอพิเศษ อาทิ iPhone XS Max 256 GB มูลค่า 49,900 บาท จำนวนจำกัด สำหรับลูกค้าที่รับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ 10 รุ่นที่ร่วมรายการ อย่าง GLA 200 Urban, GLA 250 AMG Dynamic, E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive, E 350 e AMG Dynamic, GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD, GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic, GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus, S 350 d Exclusive และ S 350 d AMG Dynamic ในระหว่างวันที่ 7 มีนาคม – 30 เมษายน 2562
รวมถึงข้อเสนอพิเศษร่วมกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง อาทิ
* อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อระยะเวลา 48 เดือน เงินดาวน์ขั้นต่ำ 25% สำหรับลูกค้าที่ออกรถยนต์รุ่น GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD หรือ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic
* อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อระยะเวลา 48 เดือน เงินดาวน์ขั้นต่ำ 25% สำหรับลูกค้าที่ออกรถยนต์ E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive และ E 350 e AMG Dynamic พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection เป็นระยะเวลา 1 ปี และแพ็คเกจ MBSP Excellent นาน 4 ปี
* แคมเปญส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาแบบมายสตาร์ (mySTAR) และ เช่าทางการเงิน (Finance Lease) กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง จะได้รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection เป็นระยะเวลา 1 ปี
โดยแคมเปญส่งเสริมการขายข้างต้นสำหรับลูกค้าที่รับมอบรถยนต์และเริ่มต้นสัญญาภายในวันที่ 30 เมษายน 2562
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Mercedes-Benz S-Class
ดีไซน์ภายนอกของ The S 560 e AMG Premium หรูหราทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบ 3 ก้าน มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ ยามค่ำคืนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด พร้อมฟังก์ชัน ULTRA RANGE Highbeam ที่สามารถปรับความสว่างและความยาวของลำแสงไฟหน้าให้ส่องได้ไกลกว่า 650 เมตรโดยอัตโนมัติ พร้อมเสริมความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างจาก AMG และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว สีไทเทเนี่ยมเกรย์
ดีไซน์ภายในและห้องโดยสาร มอบที่สุดแห่งความสะดวกสบาย ด้วยระบบ ENERGIZING Comfort Control เทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายร่างกายและอารมณ์ในระหว่างการเดินทางเพียงแค่การ ‘กดปุ่ม’ เพื่อควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบฉีดน้ำหอม ระบบฟอกอากาศ ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Premium Ambient Light) เสียงดนตรี ฟังก์ชันระบายอากาศและอุ่นที่นั่ง พร้อมระบบนวดสำหรับเบาะคู่หลัง โดยผู้โดยสารสามารถเลือกโปรแกรมผ่อนคลายได้ 4 แบบ คือ Refresh, Vitality, Warmth และ Joy โดย The S 560 e AMG Premium จะมาพร้อมกับเบาะนั่งคู่หน้าและคู่หลังหุ้มหนัง Exclusive nappa ที่สามารถปรับเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังฝั่งซ้ายให้เอนนอนได้ถึง 43.5 องศา พร้อม
ที่รองขาแบบปรับระดับได้ ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย พร้อม Apple Carplay™ และ Android Auto
สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย อาทิ
* ระบบ Active Distance Assist DISTRONIC ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า ทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกระจังหน้า และกล้อง STEREO CAMERA ที่ติดตั้งอยู่บนกระจกบังลมหน้า ในการคำนวณระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถ คันหน้าที่สัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้นโดยการเพิ่มและลดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติ
* ระบบ Active Blind Spot Assist เทคโนโลยีที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนกับรถยนต์หรือจักรยานยนต์ที่อยู่ในจุดอับสายตาในขณะที่กำลังจะเปลี่ยนช่องจราจร
* ระบบ Active Lane Keeping Assist ระบบที่ช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่มีสาเหตุ มาจากการเปลี่ยนช่องจราจรโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งระบบนี้จะทำงานโดยการใช้สัญญาณเรดาร์ ในการตรวจจับช่องจราจรและรถยนต์ที่อยู่ในช่องจราจรอื่น หากระบบตรวจพบความเสี่ยงที่จะชนกับรถยนต์คันอื่น ระบบจะช่วยดึงรถกลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิมโดยอัตโนมัติด้วยการเบรกล้อฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับรถยนต์ที่ตรวจจับได้
* ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® PLUS ระบบนี้ทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ตรวจจับรถที่วิ่งอยู่ด้านหลัง หากเรดาร์ตรวจพบรถยนต์จากด้านหลังที่วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วซึ่งเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ไฟกะพริบฉุกเฉินจะกะพริบด้วยความถี่ที่มากกว่าปกติเพื่อเตือนผู้ขับขี่รถคันหลัง หลังจากนั้นระบบจะรัดเข็มขัดให้กระชับขึ้น ระบบเบรกจะล็อคล้อทั้งสี่ไว้ให้อยู่กับที่ พร้อมปรับพนักพิงศีรษะให้ชิดกับศีรษะ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ หากมีการชนท้ายเกิดขึ้น
* ระบบ Active Braking Assist และฟังก์ชัน Cross-Traffic เทคโนโลยีที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์คันอื่น หรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก โดยสัญญาณเรดาร์ที่ติดอยู่บริเวณกันชนด้านหน้า และกล้อง MPC จะตรวจจับเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการชน และจะส่งเสียงเตือนคุณให้เบรก หากคุณตอบสนอง ระบบจะช่วยเพิ่มกำลังเบรกไปจน
เต็มประสิทธิภาพ แต่หากไม่มีการตอบสนอง ระบบจะช่วยเบรกอัตโนมัติตามแต่ละสถานการณ์ นอกจากนี้ในกรณีที่ระบบไม่สามารถหลบหลีกวัตถุด้านหน้าได้ทัน ระบบจะช่วยลดความเร็วลง เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ
* ระบบ Evasive Steering Assist ระบบช่วยหลบหลีกการชนจากด้านหน้า โดยสัญญาณเรดาร์และกล้อง STEREO CAMERA ของรถยนต์จะช่วยตรวจจับคนและสิ่งของที่จะก่อให้เกิดอันตราย โดยระบบจะเตือนให้คุณตอบสนองและหักหลบสิ่งกีดขวางด้วยตนเองเท่านั้น พร้อมช่วยส่งแรงบิดที่เหมาะสมในการหักหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* ระบบ Active Emergency Stop Assist ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่มีการตอบสนองต่อการขับขี่เป็นเวลานาน เช่น คนขับหลับในหรือหมดสติ และระบบตรวจจับได้ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวของพวงมาลัยเลย ระบบจะส่งสัญญาณเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่กลับมาประคองพวงมาลัยรถ แต่ถ้ายังไม่มีการตอบสนองจากผู้ขับขี่ ระบบจะค่อยๆ หยุดรถอัตโนมัติในช่องจราจรนั้น พร้อมกับเปิดระบบไฟกระพริบฉุกเฉิน
* ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) ทั้งการจอดแบบขนานและการจอดแบบเข้าซอง โดยกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา จะแสดงภาพบริเวณรอบคันรถในจอแสดงผล รวมถึงภาพจากมุมสูง จึงช่วยให้เห็นสิ่งกีดขวางรอบคันรถ ทั้งนี้ระบบจะส่งสัญญาณเตือนทั้งภาพและเสียง ในขณะที่กำลังจอดรถด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. โดยเป็นการประสานการทำงานของระบบ Active Steering ระบบ Speed Control และระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ แม้ในที่จำกัดหรือในกรณีที่ต้องขยับรถหลายครั้ง พร้อมเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยระบบ Drive Away Assist ที่ส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจจับความเสี่ยงต่อการชนในขณะที่เหยียบคันเร่งหรือเบรกสลับกัน หรือเมื่อผู้ขับขี่เข้าเกียร์ไม่ถูกต้อง
Mercedes-Benz S-Class ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่ประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจาก เจนเนอเรชั่นก่อนหน้าได้สูงสุดถึง 60% เมอร์เซเดส-เบนซ์ใช้เซลล์แบตเตอรี่รุ่นใหม่ซึ่งเป็นส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) ทั้งนี้ ระบบแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์
ตระกูลเอส-คลาสรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ผลิตโดยบริษัทดอยช์ แอกคิวโมทีฟ (DeutscheACCUMOTIVE) บริษัทลูกของกลุ่มบริษัทเดมเลอร์ทั้งหมด โดยขนาดของแบตเตอรี่นั้นมีขนาดเล็กลงกว่ารุ่น ก่อนหน้าและประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิมประมาณร้อยละ 50 หากใช้เครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์บอกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด ผู้เป็นเจ้าของจะประจุไฟฟ้าจากความจุร้อยละ 10 จนเต็มได้ในเวลาประมาณ 90 นาที (ในสภาวะปกติ) และประมาณ 5 ชั่วโมงหากประจุไฟฟ้าโดยใช้กำลังไฟฟ้าจากเต้ารับทั่วไปตามบ้าน
Mercedes-Benz S 560 e AMG Premium มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะแบบใหม่ (9G-TRONIC) ที่ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงลงกว่าเดิมถึง 6.5% อีกทั้งยังช่วยให้การขับเคลื่อนมีความนุ่มนวลมากขึ้น ลดเสียงรบกวนได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้สามารถลดระดับเกียร์ลงได้หลายระดับในกรณีที่ต้องการเร่งแซงอย่างรวดเร็ว โดย S 560 e นั้น สามารถรักษาระดับของระบบช่วงล่างให้มีความสมดุลย์ได้ตลอดการเดินทางแม้ว่าจะมีผู้โดยสารหรือสัมภาระจำนวนมาก เนื่องจากรถยนต์รุ่นนี้มีระบบปรับระดับช่วงล่างที่ทำงานโดยใช้กลไกการอัดหรือระบายอากาศ ทั้งนี้ ระบบสามารถยกความสูงของตัวรถเพิ่มได้ 30 มิลลิเมตร เพื่อให้ตัวรถสูงพ้นจากพื้นถนนมากเพียงพอ และเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบจะปรับลดความสูงของตัวรถลง 20 มิลลิเมตรโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้รถลู่ลมยิ่งขึ้นและเสริมเสถียรภาพในการขับขี่
The S 560 e AMG Premium รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 6,999,000 บาท
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่